“เยื่อไขผิว” เปรียบเหมือนกำแพงผิว หรือเกราะป้องกันผิวนั่นเอง เกิดจากการที่ต่อมเหงื่อของเราขับเหงื่อออกมา และต่อมไขมันขับไขมันออกมา ทั้งสองสิ่งนี้ไหลมารวมกันตามลายผิวบนชั้นผิวเกิดเป็นเยื่อไขผิวบางๆ ที่มีความเป็นกรดอ่อนๆ มี pH อยู่ที่ 4–6.5 ทำหน้าที่ปกป้องผิวจากเชื้อโรค เชื้อแบคทีเรีย และให้ความชุ่มชื้น เนียนลื่นกับผิวพรรณของเรา ถ้ามันแข็งแรงก็จะช่วยป้องกันสิ่งสกปรก แบคทีเรียไม่ให้เข้ามาในผิว พร้อมยังกักเก็บความชุ่มชื้นให้ผิวได้ แต่ถ้าอ่อนแอลง หรือถูกทำร้ายเมื่อไหร่ นี่คือปัญหาที่จะเกิดขึ้นค่ะ

  1. ผิวขาดน้ำ หมองคล้ำ

 

เมื่อเยื่อไขผิวของเราถูกทำร้าย ก็จะมีรอยรั่วตามผิวเรามากขึ้น ทำให้ความชุ่มชื้นออกจากผิวได้ง่าย ผิวล็อกน้ำไว้ไม่ได้ สิ่งที่ตามมาก็ คือ ปัญหาผิวขาดน้ำ หน้าแห้ง ลอกเป็นขุย และขาดความชุ่มชื้น ทำให้หน้าดูหมองลง

 

  1. ผิวแพ้ง่ายมากขึ้น

 

เคยเป็นไหมคะ เมื่อก่อนผิวก็สุขภาพดี แต่เดี๋ยวนี้ไม่ว่าจะใช้อะไรผิวก็แพ้ง่าย ใช้อะไรก็เป็นผื่นแดง คันตามผิวยิบๆ บางทีอาจไม่ใช่เพราะครีมไม่ดี แต่มันอาจเป็นสัญญาณเตือนว่า ผิวเราอ่อนแอลง จากการที่เยื่อไขผิวไม่แข็งแรง จะมีโอกาสที่สารก่อภูมิแพ้ แบคทีเรีย และสิ่งสกปรกต่างๆ เข้าไปในผิวเราได้มากขึ้น
  1. ผิวมันเยิ้ม

 

 

เมื่อเยื่อไขผิวถูกทำร้าย จะทำให้ผิวขาดน้ำ ซึ่งผิวขาดน้ำไม่ใช่แค่ทำให้ผิวแห้ง หรือหมองคล้ำลงเท่านั้น แต่มันยังเป็นสาเหตุของหน้ามันเยิ้มด้วย เพราะเมื่อผิวขาดน้ำ ต่อมไขมันก็เลยพยายามผลิตความมันออกมาทดแทนมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม ทำให้หน้ายิ่งมันเยิ้ม
  1. เป็นสิว

 

 

สาเหตุหนึ่งที่ทำให้เดี๋ยวสิวก็ขึ้น เดี๋ยวสิวก็หาย โดยไม่หลุดจากวงจรสิวก็คือ การมีผิวอ่อนแอค่ะ เพราะเมื่อผิวอ่อนแอ สิ่งสกปรก แบคทีเรียก็จะเข้าสู่ผิวได้ง่ายขึ้น และผิวอ่อนแอก็เป็นสาเหตุที่ทำให้ผิวขาดน้ำ ก็ยิ่งทำให้หน้ามันขึ้น เกิดการอุดตันตามมานั่นเอง ดังนั้น การมีผิวแข็งแรงก็เป็นวิธีหนึ่งที่ทำให้ปัญหาสิวลดลงได้

เห็นแล้วใช่มั๊ยคะ ว่าการที่เยื่อไขผิวของเราอ่อนแอนั้นส่งผลต่อผิวพรรณของเราขนาดไหน ถ้าสาวๆไม่อยากมีปัญหาผิวตามมาละก็ อย่าลืมดูแลเยื่อไขผิวให้ดีนะคะ ผิวสวย สุขภาพดีจะได้คงอยู่กับเราไปนานๆ

 


Call Center

0-2276-4874

helpdesk.loveskinhub@gmail.com

(ยกเว้นวันหยุดนักขัตฤกษ์)
ติดตามเรา
09:00 - 18:00 น.

ช่องทางการชำระเงิน
บริการจัดส่งสินค้า
EMS kerry flashexpress